3D Printing

ระหว่าง Bambu Lab A1 vs A1 mini: เลือกรุ่นไหนดี

Bambu Lab A1 และ Bambu Lab A1 mini ได้ทำให้เทคโนโลยี 3D Printer นี้เข้าถึงผู้ใช้งานระดับเริ่มต้นและงานอดิเรกได้ง่ายขึ้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่น่าสนใจของทั้งสองรุ่น ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า “ควรเลือกรุ่นไหนดี?”

Bambu Lab A1: 3D Printer สำหรับผู้ใช้ทั่วไป

ก่อนหน้านี้ Bambu Lab เน้นทำตลาดด้วยเครื่องพิมพ์ระบบ CoreXY ในซีรีส์ X1 และ P1 ซึ่งมีโครงสร้างแบบปิดและราคาสูงกว่า แต่ซีรีส์ A1 ได้เปลี่ยนแนวทางมาใช้โครงสร้างแบบ “Bed Slinger” (ฐานพิมพ์เคลื่อนที่ในแกน Y) ที่ผู้ใช้ทั่วไปคุ้นเคย แต่ได้อัดแน่นเทคโนโลยีที่เคยมีเฉพาะในรุ่นพี่เข้ามาอย่างครบครัน ทำให้ทั้ง A1 และ A1 mini กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งในตลาดปัจจุบัน

คุณสมบัติเด่นที่ใช้ร่วมกัน: ความเร็วและคุณภาพจาก Bambu Lab

แม้จะมีขนาดและราคาต่างกัน แต่ทั้งสองรุ่นก็มีเทคโนโลยีหลักที่ใช้ร่วมกัน ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของ Bambu Lab

  • ระบบ Full-Auto Calibration: ลืมการปรับระดับฐานพิมพ์ (Bed Leveling) ที่น่าเบื่อไปได้เลย ทั้ง A1 และ A1 mini มาพร้อมระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ทำการปรับระดับ, ตั้งค่า Z-offset, และชดเชยการสั่นสะเทือนให้เองทั้งหมดก่อนเริ่มพิมพ์ทุกครั้ง ทำให้ผู้ใช้มือใหม่สามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างมั่นใจ
  • ความเร็วการพิมพ์และเทคโนโลยีชดเชยการสั่นสะเทือน: ด้วยความเร็วการพิมพ์สูงสุดถึง 500 mm/s และอัตราเร่ง 10,000 mm/s², ทั้งสองรุ่นสามารถผลิตชิ้นงานคุณภาพสูงได้ในเวลาที่สั้นลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์ในระดับราคาเดียวกัน
  • การพิมพ์หลายสีด้วย AMS lite: ทั้งคู่รองรับการใช้งานร่วมกับ Automatic Material System (AMS) รุ่น lite ที่ออกแบบมาสำหรับซีรีส์ A1 โดยเฉพาะ ทำให้สามารถพิมพ์ชิ้นงานได้สูงสุดถึง 4 สี หรือใช้วัสดุที่แตกต่างกันได้อย่างอัตโนมัติ

ตารางเปรียบเทียบสเปค: A1 vs A1 mini

คุณสมบัติBambu Lab A1Bambu Lab A1 mini
ขนาดพิมพ์ (W×D×H)256 x 256 x 256 mm180 x 180 x 180 mm
ขนาดตัวเครื่อง385 x 410 x 430 mm347 x 315 x 365 mm
โครงสร้างDual Z-axis GantriesCantilever (แกน Z ด้านเดียว)
อุณหภูมิฐานพิมพ์สูงสุด100 °C80 °C
ขนาดหน้าจอสัมผัส3.5 นิ้ว2.4 นิ้ว
ราคา (โดยประมาณ)10,900.-7,400.-

วิเคราะห์ความแตกต่างสำคัญ: ใครเหมาะกับอะไร?

  • ขนาดการพิมพ์ (Build Volume): ใหญ่กว่าย่อมดีกว่าเสมอไปหรือไม่? นี่คือความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด A1 มีพื้นที่พิมพ์ขนาดใหญ่ถึง 256x256x256 mm ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพิมพ์โมเดลขนาดใหญ่, ชิ้นส่วนวิศวกรรม, หรือการพิมพ์ชิ้นงานเล็กๆ จำนวนมากในครั้งเดียว ในขณะที่ A1 mini มีขนาด 180x180x180 mm ซึ่งก็เพียงพอสำหรับงานอดิเรก, โมเดลขนาดเล็กถึงกลาง และไม่กินพื้นที่บนโต๊ะทำงานของคุณ
    • เลือก A1: หากคุณวางแผนจะพิมพ์หมวกกันน็อค, ชิ้นส่วนคอสเพลย์, หรือต้องการความยืดหยุ่นสูงสุดในการผลิต
    • เลือก A1 mini: หากงานพิมพ์ส่วนใหญ่ของคุณคือโมเดลตัวละคร, ของใช้บนโต๊ะทำงาน, หรือชิ้นส่วนขนาดเล็ก และมีพื้นที่จำกัด
  • พื้นที่จัดวางและดีไซน์ทางกายภาพ A1 mini ถูกออกแบบมาให้กะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ ด้วยโครงสร้างแบบ Cantilever (มีเสาแกน Z แค่ฝั่งเดียว) ทำให้มันเป็นมิตรกับห้องทำงานหรือหอพักที่มีพื้นที่จำกัด ในทางกลับกัน A1 มีขนาดใหญ่กว่าและใช้โครงสร้างเสาคู่ (Dual Z-axis) เพื่อรองรับฐานพิมพ์ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งให้ความมั่นคงที่มากกว่า แต่ก็ต้องการพื้นที่จัดวางที่กว้างขวางกว่าเช่นกัน
  • ความสามารถของฐานพิมพ์และประเภทวัสดุ ฐานพิมพ์ของ A1 สามารถทำอุณหภูมิได้ถึง 100°C ในขณะที่ A1 mini ทำได้สูงสุดที่ 80°C แม้ว่าทั้งสองรุ่นจะไม่แนะนำให้พิมพ์วัสดุวิศวกรรมสูงอย่าง ABS หรือ ASA (เนื่องจากเป็นเครื่องแบบเปิดโล่ง) แต่อุณหภูมิที่สูงกว่าของ A1 ก็ช่วยให้การยึดเกาะของวัสดุอย่าง PETG หรือ TPU ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม สำหรับวัสดุยอดนิยมอย่าง PLA ทั้งสองเครื่องทำได้ดีเยี่ยมไม่ต่างกัน

การตัดสินใจระหว่าง Bambu Lab A1 และ A1 mini ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 3 ข้อ คือ ขนาดของชิ้นงานที่ต้องการพิมพ์, พื้นที่ที่คุณมี, และงบประมาณ

  • เลือก Bambu Lab A1 mini ถ้า:
    • คุณเป็นผู้เริ่มต้นเข้าสู่วงการ 3D Printing
    • มีพื้นที่บนโต๊ะทำงานจำกัด
    • ส่วนใหญ่พิมพ์โมเดลขนาดเล็กถึงกลาง
    • ต้องการเครื่องที่คุ้มค่าและมีงบประมาณจำกัด
  • เลือก Bambu Lab A1 ถ้า:
    • คุณต้องการพิมพ์ชิ้นงานขนาดใหญ่ หรือพิมพ์หลายชิ้นพร้อมกัน
    • มีพื้นที่สำหรับจัดวางเครื่องพิมพ์โดยเฉพาะ
    • ต้องการความยืดหยุ่นสูงสุดในการทำงานและไม่กังวลเรื่องงบประมาณที่เพิ่มขึ้น

ไม่ว่าคุณจะเลือกรุ่นใด ทั้ง A1 และ A1 mini ต่างก็มอบประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม คุณภาพการพิมพ์ที่น่าประทับใจ และความเร็วที่หาตัวจับได้ยากในระดับราคาเดียวกัน

แหล่งข้อมูลและราคาในประเทศไทย

  • แหล่งที่มา: ข้อมูลทางเทคนิคจากเว็บไซต์ Bambu Lab Official, บทวิเคราะห์จาก PCMag, และ All3DP
  • ราคาโดยประมาณในไทย:
    • Bambu Lab A1 mini: ราคาเริ่มต้นประมาณ 7,400 – 14,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชันและชุด Combo พร้อม AMS lite)
    • Bambu Lab A1: ราคาเริ่มต้นประมาณ 10,000 – 15,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชันและชุด Combo พร้อม AMS lite)

Bambu Lab A1 mini

Bambu Lab A1